พลังงานไอน้ำสีเขียวกับอนาคตที่ยั่งยืน ในวันสิ่งแวดล้อมโลก

ทุกวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี โลกต่างร่วมกันเฉลิมฉลอง "วันสิ่งแวดล้อมโลก" (World Environment Day) ซึ่งจัดตั้งโดยองค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อเป็นการปลุกจิตสำนึกและกระตุ้นให้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วโลก หันมาตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเร่งแก้ไขปัญหาที่กำลังส่งผลกระทบต่อโลกใบนี้อย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน ขยะพลาสติก มลพิษทางอากาศ หรือการพึ่งพาพลังงานจากแหล่งที่ไม่ยั่งยืน

ธีมหลักของวันสิ่งแวดล้อมโลกในปีนี้คือ เร่งเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Accelerating the Green Transition) ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการใช้พลังงานให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญของโลก

เมื่อพูดถึงพลังงานสำหรับการผลิตในภาคอุตสาหกรรม พลังงานไอน้ำ คือองค์ประกอบสำคัญ และหนึ่งในทางเลือกที่มีความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในปัจจุบัน คือการใช้ ระบบ Boiler ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานชีวมวล (Biomass Boiler)

เราขอแนะนำโซลูชันพลังงานทางเลือกที่ทั้ง ประหยัดพลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยระบบ Boiler Biomass ที่ใช้ wood pellet ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงจากวัสดุธรรมชาติ หมุนเวียนได้ และไม่ปล่อยคาร์บอนส่วนเกิน เหมือนกับการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลแบบเดิม

การใช้ พลังงานชีวมวล (Biomass Energy) ไม่เพียงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตของโรงงานให้สอดคล้องกับแนวทาง ธุรกิจสีเขียว (Green Business) อย่างแท้จริง ทั้งในแง่ของความยั่งยืน ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และภาพลักษณ์ขององค์กรในระยะยาว

ปัญหาการใช้พลังงานแบบดั้งเดิม: ต้นตอของวิกฤตสิ่งแวดล้อม

แม้พลังงานจากฟอสซิลอย่างถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจะเป็นแหล่งพลังงานหลักในภาคอุตสาหกรรมมานานหลายทศวรรษ แต่ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมและต้นทุนที่ผันผวน การพึ่งพาพลังงานแบบเดิมกลับกลายเป็น จุดอ่อนสำคัญของธุรกิจในระยะยาว

1. ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง >> ตัวเร่งภาวะโลกร้อนที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม
การใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมันเตา หรือก๊าซธรรมชาติ เป็นแหล่งปล่อย ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยเฉพาะ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO) ที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ในการผลิตไอน้ำหรือพลังงานความร้อนในภาคอุตสาหกรรม
แม้กระบวนการผลิตจะดูเป็นกิจวัตรประจำวันของโรงงาน แต่ความจริงแล้ว มันคือส่วนหนึ่งของห่วงโซ่ที่เร่งให้โลก ร้อนขึ้นในอัตราที่น่ากังวล และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ในหลายมิติ เช่น:

• ความแปรปรวนของสภาพอากาศ
• ภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดถี่ขึ้น
• ต้นทุนพลังงานและทรัพยากรที่พุ่งสูง
• ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในหลายภูมิภาค

• ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ที่สามารถแทรกเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
  
• ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO) และ ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ที่ก่อให้เกิดฝนกรด
  
• เขม่าควันและกลิ่นรบกวน ที่สร้างผลกระทบในระดับพื้นที่
  

แม้มลพิษเหล่านี้จะถูกปล่อยออกมาในระดับ โรงงานหนึ่งแห่ง แต่เมื่อกระจายออกไปในพื้นที่ชุมชน จะกลายเป็น ปัญหาสาธารณสุข และจุดเริ่มต้นของข้อร้องเรียนจากชาวบ้านหรือสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งนำไปสู่:

• ความเสื่อมเสียด้านชื่อเสียงองค์กร
• ️ความขัดแย้งกับชุมชนหรือองค์กรภาครัฐ
• การตรวจสอบและควบคุมจากหน่วยงานสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น
• ค่าปรับและค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาภายหลัง

ในยุคที่ข้อมูลกระจายรวดเร็วและผู้บริโภคให้ความสำคัญกับจริยธรรมของธุรกิจ ภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องรองอีกต่อไป
องค์กรที่ไม่ใส่ใจเรื่องนี้อาจถูกมองว่า ล้าหลัง หรือ ไม่รับผิดชอบต่อสังคม ได้ง่ายๆ

3. ต้นทุนพลังงานสูงและผันผวน >> ธุรกิจวางแผนลำบาก 
ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ต้นทุนพลังงานกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ พลังงานไอน้ำในปริมาณสูง การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมันเตา ก๊าซธรรมชาติ หรือถ่านหิน กลายเป็นความเสี่ยงที่ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการควบคุมต้นทุนของธุรกิจ

ราคาผันผวนตามตลาดโลก
ต้นทุนเชื้อเพลิงฟอสซิลขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยนอกเหนือการควบคุม เช่น:

• สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ (เช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศผู้ผลิตน้ำมัน)
  
• ความผันผวนของค่าเงิน
  
• อุปสงค์อุปทานในตลาดโลก
  
• การควบคุมราคาภายในประเทศ

ในยุคที่ข้อมูลกระจายรวดเร็วและผู้บริโภคให้ความสำคัญกับจริยธรรมของธุรกิจ ภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องรองอีกต่อไป
องค์กรที่ไม่ใส่ใจเรื่องนี้อาจถูกมองว่า ล้าหลัง หรือ ไม่รับผิดชอบต่อสังคม ได้ง่ายๆ

วางแผนต้นทุนไม่ได้ = กำไรหาย
เมื่อต้นทุนพลังงานขึ้นแบบคาดไม่ถึง ย่อมส่งผลต่อ ต้นทุนการผลิตต่อหน่วย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายธุรกิจไม่สามารถปรับราคาสินค้าตามได้ทัน ทำให้ กำไรลดลง หรือในบางกรณีอาจต้องแบกรับขาดทุนเพื่อรักษาสัญญาการผลิตกับลูกค้า
ยิ่งธุรกิจที่ต้องมีการประมูลงานล่วงหน้า หรือมีข้อตกลงราคาคงที่ระยะยาว ยิ่งได้รับผลกระทบหนักจาก ต้นทุนเชื้อเพลิงที่ควบคุมไม่ได้

ขาดเสถียรภาพทางการเงินและการเติบโต
เมื่อธุรกิจต้องคอยรับมือกับต้นทุนพลังงานที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความสามารถในการวางแผนงบประมาณ การขยายการผลิต หรือการลงทุนใหม่ ๆ ก็จะ ชะลอตัวหรือหยุดชะงัก ซึ่งทำให้เสียโอกาสในระยะยาว

• ไม่สอดคล้องกับหลักความยั่งยืน (Environmental)
• ละเลยความรับผิดชอบต่อสังคม (Social)
• ขาดการบริหารจัดการที่โปร่งใส (Governance)

นอกจากนี้ยังสวนทางกับแนวคิด Green Supply Chain ซึ่งจริงๆแล้วนั้น ก็แทบจะนับได้ว่า พลังงานฟอสซิลขัดขวางเป้าหมายการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วัตถุดิบ การผลิต ไปจนถึงกระบวนการขนส่งและจัดจำหน่าย ซ้ำยังดูจะเป็นการผลักภาระให้สังคมและคนรุ่นหลัง หากอุตสาหกรรมไม่เร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด จะยิ่งทิ้งปัญหาไว้ให้อนาคต ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจ

ทางออกที่เป็นรูปธรรม: เปลี่ยนมาใช้ Biomass Boiler

หนึ่งในทางออกที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ คือ การเปลี่ยนจากการใช้พลังงานฟอสซิลมาใช้หม้อไอน้ำ (Boiler) แบบ Biomass ซึ่งช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน (CO) ได้อย่างเห็นผลชัดเจน พร้อมทั้งสอดคล้องกับแนวทาง Green Business และ เป้าหมายด้านความยั่งยืน ที่ภาคอุตสาหกรรมต้องเร่งขับเคลื่อน
Biomass Boiler ไม่เพียงแต่มี อัตราการปล่อยมลพิษต่ำ แต่ยังสามารถ ควบคุมได้ตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม จึงถือว่าไม่ใช่แค่การเปลี่ยนเทคโนโลยี แต่คือ การลงทุนในภาพลักษณ์ขององค์กร ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับชุมชนรอบข้าง
นอกจากนี้ เชื้อเพลิงชีวมวล เช่น wood pellet ยังมีข้อได้เปรียบหลายด้าน ต้นทุนเสถียรกว่า เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล จัดการง่าย ทั้งในแง่การจัดเก็บและการขนส่ง
และที่สำคัญคือ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะผลิตจากวัสดุธรรมชาติที่สามารถหมุนเวียนได้ 
ดังนั้น การเปลี่ยนมาใช้พลังงานทางเลือกอย่าง Biomass Boiler จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนในระยะยาว

ที่ DE Corporation เราตระหนักดีถึงบทบาทของภาคธุรกิจในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่นำมาใช้ได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม เราจึงเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายพลังงานไอน้ำ (Steam) ด้วยระบบ Boiler Biomass แบบ Private PPA ที่ช่วยลดต้นทุนพลังงานและลดมลพิษ โดยไม่ต้องลงทุนซื้อ Boiler ใหม่ รวมถึงติดตั้งและบำรุงรักษาอย่างครบวงจร พร้อมได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อม สอดรับกับมาตรฐาน ESG และ Green Supply Chain อย่างแท้จริง

หากคุณกำลังมองหาแนวทางลดการใช้พลังงานฟอสซิลในโรงงาน หรืออยากเริ่มต้นเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว
เรายินดีให้คำปรึกษาและช่วยวางแผนระบบ Boiler ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

ติดต่อเราเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
โทร: 088-253-3256 (คุณจิตตรานุช)
FB Page: DeGroupAdvisory