เบื้องหลังความเร็ว คือสมองการเงิน: ถอดบทเรียนจาก ‘สงครามส่งด่วน’ กับบทบาทของ CFO ที่ดี
จากซีรีส์ Netflix เรื่อง สงครามส่งด่วน ที่หลายคนในตอนนี้ติดกันงอมแงม ไม่ได้มีแค่เรื่องของความเร็ว การลงทุน หรือสงครามธุรกิจระหว่างแพลตฟอร์มส่งของเท่านั้น
แต่ยังแฝงไปด้วยบทเรียนลึกซึ้งเกี่ยวกับ "การบริหารการเงิน" และ "บทบาทของ CFO" ที่หลายธุรกิจในโลกความเป็นจริงมักจะถูกมองข้าม
จุดเริ่มต้น: เมื่อธุรกิจเติบโตเร็วกว่าระบบควบคุม
ในเรื่อง เราเห็นตัวละครสร้างบริษัทส่งของแบบ Flash-style ได้ภายในเวลาอันสั้น รับเงินลงทุนหลักร้อยล้าน เกิดการขยายทีม ถล่มราคาค่าจัดส่ง เปิดศึกเผาเงินแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่สิ่งที่ตามมาคือ:
- ปัญหาทางบัญชี
- ระบบเงินสดที่สั่นคลอน
- การใช้จ่ายโดยไร้ขีดจำกัด
- การ เก็บแต้มบุญ โดยไม่ได้สนใจ ROI
ซึ่งทั้งหมดนี้คือ สัญญาณเตือน ว่า องค์กรกำลังขาด CFO ที่มีวิสัยทัศน์
ปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อไม่มี CFO ที่ "คิดนำ"
- ไม่มีการควบคุมต้นทุนต่อหน่วย (Unit Economics)
ธุรกิจที่เผาเงินเพื่อโตไว มักพลาดตรงจุดนี้ หากไม่มี CFO ที่กล้าวิเคราะห์ว่า ยอดขายที่เพิ่มขึ้น กำไรลดลงหรือเปล่า?
จากในเรื่อง ที่เราจะเห็นได้ว่า บริษัทมีการใช้กลยุทธ์ ส่งฟรี / ลดราคาแข่งกันแบบสุดโต่ง แต่ไม่เคยหยุดวิเคราะห์เลยว่า แม้ยอดผู้ใช้งานพุ่งขึ้น รายได้มีการเติบโต
แต่ในความจริง: ยิ่งส่งมาก = ยิ่งขาดทุน
ความอันตรายคือ
- เจ้าของธุรกิจบางคน "หลงดีใจ" กับยอดขาย แต่ไม่เคยตรวจดูให้แน่ชัดว่าแต่ละยอดขายนั้น เป็นกำไรหรือขาดทุน
- หากไม่มี CFO ที่คอยวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วย คุณอาจกำลัง เผาเงิน ทิ้งไปโดยไม่รู้ตัว
- นักลงทุนมองว่าโมเดลธุรกิจ "ไม่ยั่งยืน" เพราะ Unit Economics ติดลบ - ไม่มีการวางแผนกระแสเงินสด (Cash Flow Planning)
ลงทุนกระจาย แต่ขาดทุนสะสม เงินสดไม่พอใช้แม้มีผู้ลงทุน
สิ่งที่เราเห็นได้ชัดในเรื่องสงครามส่งด่วน บริษัทได้รับเงินลงทุนจำนวนมาก และรีบใช้เงินเพื่อขยายบริการอย่างรวดเร็ว โดยมีการ จ้างพนักงานกันแบบรัวๆ, มีการลดราคาแบบสุดโต่ง, ซ้ำยังรีบลงทุนเปิดศูนย์จัดส่งทั่วประเทศ แต่ในมุมกลับกัน ไม่มีใครในบริษัทตอบได้ว่า เงินจะอยู่กับเราได้อีกกี่เดือน?, ถ้า VC ยังไม่โอนเงินรอบใหม่ เราจะจ่ายเงินเดือนได้ไหม?, มีแผนสำรองยังไงถ้ารายได้ไม่เป็นไปตามคาด? ซึ่งทำให้กลายเป็นว่า ธุรกิจขับเคลื่อนด้วย ความฝัน ไม่ใช่ สภาพคล่อง
ความอันรายคือ
- ธุรกิจที่ไม่มี Cash Flow Planning เหมือนคนขับรถเร็ว โดยไม่รู้ว่าน้ำมันเหลืออยู่เท่าไหร่
- พังจาก หนี้สินระยะสั้น ก่อนที่จะได้เก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาว
- ทำให้บริษัท อยู่ไม่ถึงวันโต ทั้งที่ศักยภาพดี - ไม่มีคน เบรก การตัดสินใจจาก Passion
ซีอีโอหรือทีมการตลาดอาจตัดสินใจเร็วแรง แต่ CFO คือคนที่ต้องมองภาพระยะยาว วิเคราะห์ความเสี่ยง และ เบรก เมื่อต้องเบรก
ในสงครามส่งด่วน เราจะเห็น CEO ที่ตัดสินใจ ลดค่าจัดส่งให้ถูกที่สุด เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาด แถมยังทุ่มงบลงทุนขยายบริการ ทั้งๆที่รายได้ยังไม่ทันคืนทุนมาเลย ซ้ำยังเร่งเปิดเกมแข่งขันแบบ "เผาเงิน" โดยไม่มีแผน Exit หรือจุดคุ้มทุนที่ชัดเจน แล้วคนในทีมก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะถามเรื่องสำคัญต่างๆ เช่น แล้วเงินจะพอไหม?, ต้นทุนต่อหน่วยตอนนี้ยังไหวอยู่หรือเปล่า?, เรากำลังใช้ Passion แลกกับความเสี่ยงของทั้งองค์กรหรือเปล่า?
ความอันตรายคือ
- ผู้บริหารที่ อินเกินไป อาจมองข้ามความเสี่ยง
- ตัดสินใจบนพื้นฐานของความมั่นใจส่วนตัว โดยไม่มีข้อมูลรองรับ
- ถ้าไม่มี เสียงค้านที่มีเหตุผล บริษัทอาจเร่งโตจนเกินกำลัง
CFO (Chief Financial Officer) ที่ดี เปรียบเสมือน "สมองด้านการเงิน" ขององค์กร
การมี CFO ที่มีความสามารถและวิสัยทัศน์ที่ดีจะส่งผลโดยตรงต่อความมั่นคงทางการเงินและการเติบโตของบริษัท โดยผลดีที่เห็นได้ชัดมีดังนี้
- วางกลยุทธ์ทางการเงินที่แม่นยำ
CFO ที่ดีจะช่วยกำหนดทิศทางการใช้เงินลงทุน สินทรัพย์ และต้นทุน ให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจระยะยาว
มองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจอย่างมีแบบแผน
- บริหารสภาพคล่องและกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ
ทำให้บริษัทมีเงินหมุนเวียนเพียงพอสำหรับดำเนินธุรกิจ ลดโอกาสขาดสภาพคล่อง
บริหารหนี้-สินทรัพย์อย่างสมดุล เพื่อให้บริษัทมีความมั่นคงทางการเงิน
- เสริมสร้างความน่าเชื่อถือด้านงบการเงิน
จัดทำงบการเงินที่ถูกต้อง โปร่งใส และตรงตามมาตรฐาน
สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน สถาบันการเงิน และหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ก.ล.ต. หรือ ตลาดหลักทรัพย์
- ลดความเสี่ยงและป้องกันความเสียหาย
วิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความผันผวนของต้นทุน หรือรายได้
สร้างระบบควบคุมภายในและติดตามต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการรั่วไหลหรือทุจริต
- เป็นกำลังสำคัญในการเตรียม IPO หรือระดมทุน
CFO ที่มีประสบการณ์จะช่วยวางแผนการเงินเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าตลาดหลักทรัพย์
ประสานงานกับ FA, Auditor, นักลงทุน เพื่อให้กระบวนการระดมทุนเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
- ช่วยผู้บริหารตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น
วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินแบบ real-time พร้อมคำแนะนำเชิงกลยุทธ์
สนับสนุนการตัดสินใจเชิงธุรกิจโดยใช้ข้อมูลที่ชัดเจน ไม่ใช่แค่สัญชาตญาณ
ในสงครามที่ทุกธุรกิจต้อง วิ่งแข่งกับเวลา การมี CEO วิสัยทัศน์ดีอาจพาธุรกิจออกสตาร์ทไว แต่ถ้าจะ วิ่งเข้าเส้นชัยได้จริง ต้องมี CFO ที่แข็งแรง คอยกำกับทิศทางการเงิน และตัดสินใจอย่างมีหลักการ หากคุณเป็นเจ้าของกิจการหรือผู้บริหาร การลงทุนจ้าง CFO ที่มีคุณภาพ (หรือทีมที่ปรึกษา CFO แบบ Outsource) ถือเป็นการวางรากฐานที่แข็งแรงให้กับบริษัทในระยะยาว
CFO ไม่ใช่แค่คนทำงบ แต่คือนักวางกลยุทธ์ที่ทำให้บริษัทรอดและโตอย่างยั่งยืน
หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่กำลังขยายตัว
แต่ยังไม่มี CFO ที่สามารถวางแผนการเงิน ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้น หรือ ระยะยาว
ทีม DE Business Advisory มีบริการ CFO Outsource พร้อมให้คำปรึกษา วางกลยุทธ์ และวางโครงสร้างการเงินเพื่อธุรกิจของคุณ และเพื่อเตรียม IPO ครบวงจร
โทร. 098-969-4455 (คุณภูดิศ)
ติดต่อเราได้ที่ www.degroupadvisory.com