แชร์

จากธุรกิจครอบครัว สู่บริษัทมหาชน : เส้นทางที่คุณต้องเตรียมตัวล่วงหน้า 3 ปี

อัพเดทล่าสุด: 9 มิ.ย. 2025
61 ผู้เข้าชม

ทำไมต้องเตรียมตัวล่วงหน้า 3 ปี?

การจะเป็น บริษัทมหาชน (Public Company) ต้องผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อน ทั้งการจัดทำงบการเงินตามมาตรฐาน PAE, การวางระบบควบคุมภายใน, ปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น, และเตรียมทีมผู้บริหารให้พร้อมต่อการถูกตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐและนักลงทุน

โดยทั่วไป การเตรียม IPO อย่างมีคุณภาพใช้เวลา 2-3 ปีล่วงหน้า เพื่อปรับธุรกิจให้เป็น องค์กรโปร่งใส น่าเชื่อถือ และเติบโตได้ในระยะยาว

Roadmap: เส้นทาง 3 ปี สู่ IPO สำหรับธุรกิจครอบครัว

ปีที่ 1: ปรับฐานราก สร้างความโปร่งใสจากภายใน

  • ตรวจสอบบัญชีย้อนหลังโดยผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.
  • วางระบบบัญชีตามมาตรฐาน PAE (จากเดิม NPAEs)
  • แยกทรัพย์สินส่วนตัวออกจากกิจการ
  • ปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นให้ชัดเจน
  • เริ่มวางระบบควบคุมภายในและนโยบายบัญชี

ปีที่ 2: จัดโครงสร้างธุรกิจใหม่ ขยายทีมและเสริมธรรมาภิบาล

  • ตั้งคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการตรวจสอบ
  • จัดทำนโยบายบริหารความเสี่ยง / CG Code / Code of Conduct
  • จ้าง FA (ที่ปรึกษาทางการเงิน), IA (ที่ปรึกษาภายใน), Auditor และ Legal Advisor
  • ปรับสัญญาทางธุรกิจให้พร้อมเปิดเผยข้อมูล
  • เตรียมเอกสารสำคัญสำหรับการยื่น Filing

ปีที่ 3: เข้าสู่กระบวนการ IPO เตรียมความพร้อมสู่ตลาด

  • จัดทำแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) ส่งให้สำนักงาน ก.ล.ต.
  • เตรียมแผน IR และ Roadshow ให้นักลงทุน
  • เลือกผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Underwriter)
  • วางแผนการเสนอขายหุ้น (IPO Plan)
  • เตรียมทีมบริหารเพื่อเข้าร่วมประชุมกับนักลงทุนและนักวิเคราะห์

ความท้าทายที่พบบ่อยของธุรกิจครอบครัว

แม้ธุรกิจครอบครัวจำนวนมากในไทยจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในระดับ SME หรือระดับภูมิภาค แต่การเปลี่ยนผ่านสู่ บริษัทมหาชน จำเป็นต้องเปลี่ยน mindset และระบบองค์กรจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดอุปสรรคสำคัญ ดังนี้:

  1. บัญชีไม่โปร่งใส / ใช้ระบบบัญชีไม่มาตรฐาน
    - ธุรกิจครอบครัวจำนวนมากยังคงใช้ ระบบบัญชีแบบง่าย หรือทำเพื่อใช้ภายในเท่านั้น เช่น ยังใช้ NPAEs (มาตรฐานบัญชีสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ), ไม่มีการ ปิดบัญชีรายไตรมาส อย่างสม่ำเสมอ, รายการทางบัญชีมีการ โยกย้ายข้ามกิจการในเครือ
    - ปัญหาเหล่านี้ทำให้ไม่สามารถยื่น Filing ได้ทันที ต้องมีการ รื้อปรับระบบบัญชีทั้งหมด ย้อนหลัง 23 ปี
  2. การถือหุ้นกระจุกตัวในครอบครัว
    - มักมีปัญหา เช่น หุ้นส่วนบางคน ถือแต่ไม่บริหาร หรือ มีผลประโยชน์ทับซ้อน, ไม่สามารถเปิดเผยโครงสร้างผู้ถือหุ้นต่อสาธารณะได้ทั้งหมด
    - ตลาดหลักทรัพย์ต้องการให้บริษัทมี Free Float (ผู้ถือหุ้นรายย่อย) อย่างน้อย 1525% ขึ้นอยู่กับขนาดบริษัท
    - บางครั้งต้องมีการ ปรับโครงสร้างการถือหุ้นใหม่ เช่น การจัดสรรให้ VC, VI หรือพันธมิตรเชิงกลยุทธ์

  3. ไม่มีทีมบริหารมืออาชีพ
    - ธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่มักบริหารโดยคนในครอบครัวเท่านั้น ซึ่งอาจขาดความรู้ด้านการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล, การวางแผนกลยุทธ์ระยะยาวแบบองค์กร, การบริหารนักลงทุน (IR)
    - เมื่อต้องจัดตั้งกรรมการอิสระ, คณะกรรมการตรวจสอบ, CFO หรือ IR Manager จึงขาดทรัพยากรและประสบการณ์

  4. โยกเงินระหว่างธุรกิจกับส่วนตัว
    - พบบ่อยว่าผู้บริหารใช้บัญชีบริษัทจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น บ้าน, รถยนต์, ท่องเที่ยว, หรือค่าใช้จ่ายครอบครัว
    - สิ่งนี้ถือเป็น รายการระหว่างกัน (Related Party Transaction) ซึ่งต้องเปิดเผยในงบการเงินและยื่นต่อ ก.ล.ต.
    - หากไม่จัดการให้โปร่งใส จะไม่ผ่านการตรวจสอบ หรือถูกปรับปรุงรายการจำนวนมาก

  5. ขาดระบบเอกสารและการอนุมัติภายใน
    - ไม่มีนโยบายเขียนชัดเจนเรื่องการอนุมัติ การเบิกจ่าย, การสั่งซื้อ, การจัดซื้อจัดจ้าง
    - เวลาสอบทานระบบควบคุมภายในโดย IA หรือ FA มักพบว่า ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งทำให้ไม่ผ่านขั้นตอน Internal Control

IPO ไม่ใช่แค่การขายหุ้น แต่คือการ "ยกระดับกิจการทั้งระบบ"

การเข้าตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ไม่ใช่แค่การระดมทุน แต่คือการเปลี่ยนผ่านจาก ธุรกิจครอบครัว สู่ องค์กรสาธารณะที่โปร่งใสและเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งต้องใช้เวลาเตรียมตัวอย่างน้อย 3 ปี ครอบคลุมการจัดทำงบการเงินตามมาตรฐาน PAE, การวางระบบควบคุมภายใน, การปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น และการสร้างทีมบริหารที่พร้อมรับการตรวจสอบจากนักลงทุนและหน่วยงานภาครัฐ

ธุรกิจครอบครัวมักเผชิญความท้าทาย เช่น ระบบบัญชีไม่โปร่งใส การถือหุ้นกระจุกตัว ขาดทีมผู้บริหารมืออาชีพ และการปะปนระหว่างทรัพย์สินส่วนตัวกับกิจการ ซึ่งล้วนต้องแก้ไขเชิงโครงสร้างก่อนยื่น Filing ได้

หากเริ่มวางแผนอย่างมีระบบตั้งแต่วันนี้ ธุรกิจครอบครัวสามารถยกระดับสู่บริษัทมหาชนได้จริง พร้อมสร้างมูลค่าในระยะยาวทั้งต่อกิจการและผู้ถือหุ้น


บทความที่เกี่ยวข้อง
IR (Investor Relations) สำคัญแค่ไหนกับการขายหุ้นให้สำเร็จ?
การมีทีม IR ที่เข้มแข็งจึงไม่ใช่ “ทางเลือก” แต่คือ “กลยุทธ์สำคัญ” สำหรับบริษัทที่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืนในสายตานักลงทุน
13 มิ.ย. 2025
การเพิ่มทุนแบบ Private Placement ก่อน IPO – กลยุทธ์ใหม่ของ SME ไทย
ยุคที่การแข่งขันสูงและการเติบโตต้องการเงินทุนอย่างรวดเร็ว การเพิ่มทุนแบบ Private Placement (PP) คือกลยุทธ์ที่ SME ไทยเริ่มใช้ เพื่อเร่งสร้างศักยภาพก่อนยื่น Filing เข้าตลาดหลักทรัพย์
10 มิ.ย. 2025
Fundraising 2025: เทรนด์การระดมทุนที่เปลี่ยนไปในโลกหลังดอกเบี้ยสูง
เมื่อยุคดอกเบี้ยสูงเปลี่ยนเกม Start Up เมื่อเงินไม่ง่ายเหมือนเดิม บริษัทจึงต้องมีแผนธุรกิจชัด กำไรจริง และเติบโตอย่างมีเหตุผล
9 มิ.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy